อยากให้เป็นเช่นวันวาน ตอนที่ 6 อยากเห็นก็จะถลกให้ดู |
อย่างที่บอกไว้ว่า ฉันไปอินเดียแบบบุญหล่นทับ มีตังค์อยู่ 3,000 บาท ติดเป๋า แต่ก็ “อิ่มจัง ตังค์อยู่ครบ” ถึงแม้ว่าในแต่ละมื้อ กระเพาะของฉันจะรับอาหารเครื่องเทศ และโรตี ได้ไม่มากนัก ครั้นจะสั่งอาหารพิเศษ ก็สงสารเจ้า 3,000 บาท แต่ก็ปรับตัวได้เพื่อดินแดนแห่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้า อย่างเช่นตอนลงเครื่องบินไทยเข้าสู่สนามบินกัลกัตตา ก็จะมีแท็กซี่ยืนเต็มสองข้างทางเดินที่เขาเอารั้วเหล็กมากั้นไว้ คณะเราต้องเดินผ่านความกว้างของทางเดินประมาณวาครึ่ง โหย...กลิ่นตัวฉุนมัก ๆ หลายคนต้องควักยาดมมาดมกันเป็นแถว ส่วนฉันกลั้นหายใจเอา ไม่ได้เตรียม ไม่เคยมาง่ะ พออยู่ไปหลาย ๆ วัน ไม่เหม็นละ หรือว่า กลิ่นเรากับกลิ่นเขาเหมือนกันไปแล้ว ??? ปรับตัวได้ ๆ เหม็นมาก็เหม็นไป เชอะ หรือชาติที่แล้วฉันอาจจะเป็นคนอินเดียก็ได้ กริ กริ |
เล่าต่อจากตอนที่แล้ว หลังจากที่ฉันถูกหอมแก้ม เอ๊ย หลังจากนมัสการสถานที่ปฐมเทศนาแล้ว ทางคณะก็พาเดินทางต่อไปที่เมืองคยา สถานที่ตรัสรู้ ก็เหมือนทุก ๆ สถานที่ ๆ คุณแม่ชีบัวคำท่านก็จะนำสวดมนต์ และนั่งสมาธิ ใต้ต้นโพธิ์ที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ แต่ด้วยความเป็นคนมีวิสัยทัศน์ของฉัน (อิอิ) ฉันนึกถึงของฝากครูที่โรงเรียน นั่งสมาธิไป (ไม่มีสมาธิ) เอ......จะซื้ออะไรไปฝากครูที่โรงเรียนดีหนอ................ ยุบหนอ.....พองหนอ..... ในที่สุดก็เกิดดวงตาเห็นธรรม เอ๊ย คิดจะทำ ค่อย ๆ ลืมตาขึ้นกวาดสายตามองไปรอบ ๆ ต้นโพธิ์ ปิ๊งๆๆ นึกออกแล้ววว นั่นไงใบโพธิ์ ๆๆ หล่นลงมา ๆ ให้ฉันเก็บ ขอเชิญคุณหญิง หม่อมหลวง คุณชาย ฯลฯ ทั้งหลายนั่งสมาธิไป ฉันค่อย ๆ ลุกอย่างเบาที่สุดอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ไปไล่เก็บ ๆ ใบโพธิ์ที่หล่นลงมาเต็มไปหมด ค่อยเก็บใส่ถุงโชคดี (ฉันทิ้งไปแต่ก็ไปเก็บมาอีก ไม่มีผึ้ง 3 ตัวนั้นแล้ว) แล้วยังไปหยิบดินใต้ต้นโพธิ์ใส่ถุงโชคดีเกือบครึ่งถุง จากนั้นค่อย ๆ ม้วนถุงโชคดี แล้วรีบซุกใส่กระเป๋าแฮนด์แบ๊ก ของฉัน แล้วกลับมานั่งเป็นปลื้มที่เดิม โอ้....ฉันได้ของฝากญาติ และเพื่อนครูที่โรงเรียนอย่างทั่วถึงแล้ว 3,000 บาทยังอยู่ครบ |
|
ออกจากโรงแรมที่พักเดินทางสู่เมืองพาราณสี |
|
ฝ่ายคนขับรถก็กระโดดลงรถเพื่อห้าม ทันใดนั้น พวกมันเอาขี้วัวราดคนขับรถตั้งแต่หัวจรดเท้า ดำทั้งร่างแล้วแกก็ส่งภาษาฮินดีให้พวกนั้น สักพักพวกมันก็เคลื่อนต่อไป คนขับก็ตะโกนเป็นภาษาอังกฤษ บอกว่า ไม่ต้องตกใจนี่คือสงกรานต์ของชาวฮินดี เขาจะใช้ขี้วัวขว้างปากัน บางแห่งก็ใช้สีผสมน้ำสาดกัน ผมบอกพวกเขาว่าคนในรถเป็นแขกต่างเมือง เขาไม่รู้ประเพณี ผมจะจอดตรงนี้เพื่ออาบน้ำและล้างรถ โอ้....มายก๊อด ที่ไหนก็ไม่รู้ หิวก็หิว พอดีสายตาไปปะทะกับร้านมีร้านเดียว ฉันก็ชวนหม่อมหลวงเอิบจิตว่า ตรงนั้นสงสัยมีอาหาร ทุกคนก็พากันไปเป็นร้านขายโรตี โรตีที่นั่นไม่มีนม ไม่มีน้ำตาล ทุกคนกินกันเปล่า ๆ เอร็ดอร่อย เขาขายแผ่นละกี่รูปปีก็ไม่รู้ ฉันยังไม่ได้แลกตังค์เป็นรูปี “ตูจะได้กินมั้ยเนี่ย” |
|
ทันใดนั้นวิญญาณของฉันชาติที่แล้วคงเป็นคนอินเดีย มาเข้าสิง รีบเข้าไปขอเรียนทำโรตี แกก็สอนดี๊ดี แล้วโรตีแผ่นที่เห็นในรูปกับที่กำลังทำอยู่ ก็เป็นของฉันฟรี ๆ แกไม่กล้าเอาไปขายหรอก อิอิ ในที่สุด “อิ่มจังตังค์อยู่ครบ” น้ำดื่มนะเหรอ อยู่ในดิน อีตาที่ยืนยิ้มแฉ่งในรูป ชี้ตรงนิ้วก้อย (นิ้วเท้า) ให้ดูทำนองว่า น้ำอยู่ตรงนี้ เอ้า..จ้วงลงไปตักดื่มหน้าตาเฉย ทุกคนดื่มน้ำตรงนี้เหมือนกันหมด พออิ่มได้ที่ดีแล้วก็อยากเข้าห้องน้ำ ถามหาห้องน้ำอีตาโรตีชี้ไปหลังร้าน |
|
คนอื่นไม่ปวดฉี่ มีฉันกับหม่อมหลวงเอิบจิต 2 คน ท่านก็ชวนฉันไป No ไม่มี ไม่ห้องน้ำ อีตายิ้มแฉ่งก็ชี้ไปที่ทุ่งนา หา !!! นี่ฉันจะต้องไปฉี่ที่ทุ่งนาข้าวบาร์เลย์เนี่ยนะ ฉันกับหม่อมหลวงเอิบจิตก็เดินไป ไปหาที่มิดชิด ทุ่งนามันช่างโล่งอะไรจะปานนั้น เดินหาไปสักพัก หันไปข้างหลังโอ๊ะดำ ๆ ประมาณ 10 กว่าคน ลูกเล็กเด็กแดงมันตามตูดเรามาทำไม ตูจะฉี่ หม่อมหลวงเอิบจิต ก็ตะโกนเป็นภาษาไทยว่า “เอาวะ อยากเห็นก็จะถลกให้ดู” ว่าแล้วทั้งสองคนก็ถอดกางเกง หันก้นไปทางพวกมัน” เฮ้อ....สบายตัว แล้วก็ขอถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึกในฐานะบังอาจเห็นก้นฉ๊าน |
|
อยากให้เป็นเช่นวันวาน แบ๊ะ!!!อั๊ยยะ |
ที่เมืองพาราณสี คณะก็เดินทางไปสู่แม่น้ำคงคา |
ขณะที่คณะพากันไปลงเรือกัน ฉันรีบหลับหูหลับตาถอดรองเท้าแกว่ง ๆ อย่างรวดเร็ว ฉันล้างมือด้วยแม่น้ำคงคา โอ้....ขี้วัว แต่เอ๊ะนั่น ๆ ดำ ๆ ผู้ชายแขกมาจากไหนไม่รู้มายืนตรงหน้าฉัน ระดับน้ำเท่าหัวเข่า ผ้าที่นุ่งเป็นสีขาวเปียกน้ำด้วย โอ้....พระเจ้าช่วยกล้วยแขก ฉันเห็นเต็มตา2 ตาฉัน ฉันรีบลุกขึ้นจ้ำอ้าวตามคณะลงเรือไปนั่งหายใจรวยระริน เกิดมาไม่เคยพบไม่เคยเห็นกล้วยแขกของจริง คืนนี้เราจะฝันดีหรือร้ายหนอ และด้วยความที่ฉันเป็นคนไม่ยึดติดกับสิ่งที่ไม่ปรารถนา ในที่สุดฉันก็ลืมมันไปได้ แต่เอ....ทำไมวันนี้เราถึงได้เล่าเป็นตุเป็น ทำยังกะมันติดตาเหมือนเป็นมนต์เสน่ห์ที่ถวิลหาไม่รู้หาย ยังไงยังงั้นแหละ |
ที่มาของภาพ : http://www.dhammahome.com |
พอไปถึงนิวเดลี คุณหญิง คุณชาย เศรษฐี ฯลฯ ก็พากันไปซื้อของฝากเป็นชุดส่าหรี สวยมาก ๆ บังเอิญเหลือเกินที่คนขายพูดภาษาไทยได้ ฉันก็เลยกระซิบถามเขาว่า "ลองใส่ได้มั้ย” ปรากฏว่า “ได้ครับ” ว่าแล้วก็หยิบให้ฉันใส่หน้าตาเฉย แกอาจจะคิดว่าถ้าฉันลองฉันต้องซื้อแน่ๆ มั้ง ขอโทษเถอะ ฉันลองแล้วฉันก็ถ่ายรูป จากนั้นก็ถอดคืนให้เขาเอาไปขายต่อไป อิอิ ฉันนะเหรอเดินตัวปลิวตามคณะเขาไป สวยจัง ตังค์อยู่ครบ จบเสียทีอินเดีย |
|